ตัวอย่างฉบับเต็มของ เพชฌฆาตไซบอร์ก ฉบับภาพยนตร์ฮอลลีวูดออกฉายออนไลน์

Share

20th Century Fox ปล่อยตัวอย่างของภาพยนตร์ Alita: Battle Angel ผลงานการกำกับของ Robert Rodriguez ที่เป็นการดัดแปลงมังงะเรื่อง เพชฌฆาตไซบอร์ก หรือ Gunnm เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหลังจากที่เคยโชว์ตัวอย่างนี้พร้อมกับคลิปอื่นๆ ความยาวรวม 18 นาที ในพาเนลที่จัดขึ้นในงาน Comic-Con International: San Diego

ทาง IGN ยังได้โพสท์คลิปรูปปั้นภายในงาน Comic-Con International: San Diego ด้วย

เดิมทีแล้วทาง Fox วางแผนจะฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 กรกฎาคม แต่ได้ขยับกำหนดฉายไปเป็นวันที่ 21 ธันวาคม และจะมีการฉายในระบบ IMAX ด้วย

ภาพยนตร์จะฉายในญี่ปุ่นโดยใช้ชื่อ Alita: Battle Angel ไม่ได้ใช้ชื่อ Gunnm ตามฉบับมังงะต้นฉบับ และจะเรียกชื่อตัวละครว่า ‘อลิต้า’ แทนที่จะใช้ ‘กัลลี่’ เช่นกัน และภาพยนตร์มีกำหนดเข้าฉายในญี่ปุ่นช่วงหน้างร้อนนี้

เรืื่องย่อของภาพยนตร์ในฉบับภาษาไทยตอนนี้มีรายละเอียดออกมาเช่นนี้:

Alita: Battle Angel ภาพยนตร์ดัดแปลงจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง เพชฌฆาตไซบอร์ก หรือในชื่อญี่ปุ่นว่า Gunnm ซึ่งเขียนโดย คิชิโระ ยูกิโตะ และได้รับการดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่นจากเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มแรกๆในชื่อ Battle Angel เรื่องราวเกิดขึ้นในอนาคตอันไกลโพ้น ซึ่งไซบอร์คและหุ่นยนตร์กลายเป็นเรื่องปกติ

เมืองลอยฟ้าทิฟาเรส เก็บงำความลับอันดำมืด มันทิ้งขยะไร้ค่าลงสู่โล่งเบื้องล่าง และที่ลานทิ้งขยะนั้นเอง แพทย์ไซบอร์ค อิโดะ พบเข้ากับชิ้นส่วนหัวและลำตัวของเด็กสาวไซบอร์คที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ มีเพียงสมองของเธอเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ ส่วนอื่นในร่างกายของเธอล้วนเป็นเครื่องจักร เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดในอดีต และได้ชื่อใหม่จากอิโดะ “เอลิตา” เขาสร้างเธอขึ้นมาใหม่อีกครั้งและกลายเป็นเสมือนบิดาของเธอในฐานะผู้มอบร่างกายใหม่ให้ อย่างไรก็ตาม ข่าวการฆาตกรรมต่อเนื่องได้เริ่มแพร่กระจายไปในเมือง อลิตาเริ่มสงสัยอิโดะในฐานะผู้ลงมือเพื่อหาชิ้นส่วนร่างกายให้เธอ แต่เมื่อเธอติดตามเขาออกไปในคืนหนึ่ง จึงได้พบว่าที่แท้เขากำลังตามจับตัวฆาตกร ภายใต้ฐานะ “ฮันเตอร์ วอร์ริเออร์” ที่เขาได้รับมอบหมายมา

ระหว่างการเข้าปะทะกับฆาตกรตัวจริงนั้น สัญชาติญาณของเด็กสาวก็ทำงาน เธอล้มฆาตกรได้ด้วยศิลปะการต่อสู้โบราณ ผลสุดท้าย เธอจึงตัดสินใจเข้าช่วยเหลืออิโดะในการพิทักษ์ความยุติธรรม และได้กลายมาเป็นฮันเตอร์วอร์ริเออร์เช่นกัน เธอปลดล็อคความสามารถและพลังที่แท้จริงของตนเอง เข้าต่อสู้กับศัตรูที่แสนอันตราย และเพื่อนผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์

ภาพยนตร์เรื่องนี้ นำแสดงโดย Rosa Salazar (จาก Maze Runner: The Scorch Trials, The Divergent Series: Insurgent, Man Seeking Woman) ที่โมชั่นแคปเจอร์ในบท Alita ส่วนนักแสดงท่านอื่นประกอบด้วย:

  • Christoph Waltz (จาก Inglourious Basterds, Django Unchained, Spectre, The Legend of Tarzan) รับบท Doctor Dyson Ido “หมอไซบอร์กที่ค้นพบนางเอกและกลายเป็นอาจารย์ของเธอ”
  • Jackie Earle Haley (จาก Watchmen, A Nightmare on Elm Street remake, Preacher, The Dark Tower, The Birth of a Nation) รับบท “ไซบอร์กตัวร้ายที่ใช้ CG ก้บ Greenscreenในการสร้าง”
  • Ed Skrein (จาก The Transporter Refueled, Deadpool) รับบท Zapan, “ไซบอร์กตัวร้ายที่ครอบครองอาวุธอย่างใบมีดดามัสกัส”
  • Keean Johnson (จาก Nashville, Spooksville) รับบท Hugo “ว่าที่คนรัก” และ “ผู้ที่สอนให้ Alita เล่นกีฬาสไตล์นักรบอย่าง มอเตอร์บอล และยังมีอาชีพเสริมลับๆ เป็นการขโมยชิ้นส่วนหุ่นยนต์”
  • Eiza Gonzales (จาก From Dusk Till Dawn: The Series)
  • Jorge Lendeborg Jr. (จาก Spider-Man: Homecoming,The Land) รับบทเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์ของ Hugo
  • Lana Condor (จาก X-Men: Apocalypse) รับบท Koyomi วัยรุ่นกำพร้าที่ในการ์ตูนต้นฉบับเป็นช่างภาพ
  • Leonard Wu (จาก Marco Polo) รับบท Kinuba ไซบอร์กจากการ์ตูนต้นฉบับ
  • Marko Zaror (จาก Machete Kills) รับบท Ajakutty ผู้เล่นมอเตอร์บอลที่เคยปรากฎตัวในการ์ตูนต้นฉบับ
  • Jennifer Connelly (จาก American Pastoral, Hulk, Dark Water) รับบทหนึ่งในตัวร้ายของเรื่อง
  • Michelle Rodriguez (จาก Fast and the Furious) รับบท Gelda
  • Mahershala Ali (จาก Moonlight, Hidden Figures) รับแสดงสองบทที่ยังไม่ระบุ

Robert Rodriguez (กำกับ El Mariachi, Once Upon a Time in Mexico, Sin City, Spy Kids) ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยที่ James Cameron กับหุ้นส่วนของเขาในบริษัท Lightstorm Entertainment อย่าง Jon Landau เป็นผู้โปรดิวซ์ภาพยนตร์ และได้ Laeta Kalogridis ที่เคยเขียนบทให้ Shutter’s Island มาเขียนบท

ในการสัมภาษณ์กับทาง Entertainment Weekly, ผู้กำกับ Rodriguez เคยบอกว่าหนังจะเป็น “เนื้่อเรื่องจบในภาคแต่โลกและตัวละครในหนังนั้นสามารถเล่าเรื่องต่อไปได้เรื่อยๆ” และเดิมที James Cameron อยากที่จะทำหนังเรื่องนี้เป็นหนังไตรภาค

Fox วางแผนการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในวงกว้างอยู่ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2018 และจะมีการฉายบนระบบ IMAX ด้วย

Thanks to Daniel Zelter for the news tip.

Sources: Deadline

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*