สำนักพิมพ์ Toyo Keizai ที่ชำนาญด้านธุรกิจ, เศรษฐกิจ ได้ออกรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม ปี 2021 เกี่ยวกับรายได้จากสินค้า, ที่นับรวมถึงผลิตภัณฑ์อาหาร และ ของเล่น, จากเฟรนไชส์ ดาบพิฆาตอสูร ทำรายได้ทั้งหมดโดยประมาณอยู่ที่ เก้าแสนล้านเยน
ตัวมังงะต้นฉบับของ อาจารย์ Gotouge Koyoharu ทำรายได้ประมาณ 10,000 ล้านเยน ในช่วงปี 2019 และทำรายได้ราว 44,000 ล้านเยน เฉพาะในช่วงปี 2020 เท่านั้น
ส่วนนิยาย ดาบพิฆาตอสูร ทำรายได้ราว 2,800 ล้านเยน
เพลง Gurenge ที่ได้คุณ LiSA มาขับร้องให้อนิเมะ ดาบพิฆาตอสูร ทำรายได้ราว 300 ล้านเยน ในปี 2019 ก่อนที่จะทำรายได้เพิ่มอีก 500 ล้านเยน ในปี 2020
แผ่น Blu-ray / DVD ของอนิเมะ ดาบพิฆาตอสูร ทำรายได้ประมาณ 800 ล้านเยนในปี 2019 ในช่วงที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเพียง 6 แผ่น ภายในประเทศญี่ปุ่น และในช่วงปี 2020 ที่มีการวางจำหน่ายอีก 5 แผ่น สามารถทำรายได้อยู่ประมาณ 500 ล้านเยน
ภาพยนตร์ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นช่วงเดือนตุลาคม ปี 2020 และหากนับรายได้จนถึงวันที่ 23 พฤษภาคมปี 2021 ตัวภาพยนตร์ ขายตั๋วในบ้านเกิดได้ 28,966,806 ใบ คิดเป็นเงิน 40,016,942,050 เยน เายได้ข้างต้นทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในประเทศญี่ปุ่นที่ทำร้ายได้มากกว่า 40,000 ล้านเยน และในช่วงเวลาเดียวกันกับข้างต้น ภาพยนตร์ยังทำการฉายในพื้นที่ 45 ประเทศทั่วโลก ทำยอดขายตั๋วได้ประมาณ 41,350,000 ใบ และทำรายได้ประมาณ 51,700 ล้านเยน จากทั่วโลก
และถ้านับสถิติรายได้ในญี่ปุ่นจนถึงวันที่ 6 มิถุนายน ปี 2021 ภาพยนตร์ก็ทำรายได้ไปทั้งหมดราว 51,500 ล้านเยน
สวนตัวแผ่น Blu-ray / DVD ของฉบับภาพยนตร์ ทำรายได้อยู่ประมาณ 10,000 ล้านเยน
ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ยังทำสถิติเป็นภาพยนตร์รายได้สูงสุดอันดับ 1 ทั่วโลกในปี 2020 ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้มาจากฮอลลีวูด และไม่ได้มาจากอเมริกาเรื่องแรกในโลกที่ทำสถิติสูงสุดได้นับตั้งแต่มีการจดบันทึกมาราวเกือบหนึ่งศตวรรษ และตัว ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ยังเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่รายได้สูงสุดตลอดกาลใน Box Office อเมริกา ในลำดับที่ 2 (เป็นรองแค่ภาพยนตร์ Pokemon: The First Movie เพียงเรื่องเดียว)
ยอดขายแผ่นของภายพตร์ในญี่ปุ่น ทั้งในส่วนของ Blu-ray และ DVD แบบปกติและแบบลิมิเต็ด อยู่ที่ 1,074,170 ชุด จากการวางขายเพียงแค่ 3 วัน นับตั้งแต่วางจำหน่ายในวันที่ 16 มิถุนายน ปี 2021 ยอดขายดังกล่าวแซงหน้าเจ้าของสถิติผลงานอนิเมชั่นที่มียอดขายแผ่นดีที่สุดในยุคเรย์วะ อย่าง Frozen 2 และตัวแผ่น DVD ของ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ กลายเป็นสินค้าขายดีเป็นอันดับที่ 1 จากการเก็บสถิติของชาร์ต Oricon ต่อเนื่องเป็นเวลาห้าสัปดาห์ ถือว่าทำสถิติเทียบเท่ากับภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ที่วางจำหน่ายในปี 2005 กับ The Matrix ที่วางจำหน่ายในปี 2000
อาจารย์ Gotouge Koyoharu เริ่มตีพิมพ์มังงะ ดาบพิฆาตอสูร ในนิตยสาร Shonen Jump รายสัปดาห์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 ก่อนจะอวสานผลงานเรื่องดังกล่าวในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2020 ทาง Shueisha วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 23 ที่เป็นฉบับอวสาน ด้วยยอดการตีพิมพ์ครั้งแรกที่ 3,950,000 เล่ม
ตัวมังงะต้นฉบับทำยอดตีพิมพ์ได้ 3,000,000 เล่ม ครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่อนิเมะจะเริ่มออกอากาศ
หลังจากนั้นตัวมังงะทำยอดตีพิมพ์เพิ่มขึ่นได้ตามลำดับดังนี้
- 3,500,000 เล่ม ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2019 (ตอนที่อนิเมะเริ่มฉาย)
- 12 ล้านเล่ม ณ ตอนที่วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 17 ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2019
- 25 ล้านเล่ม ณ ตอนที่วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 18 ในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2019
- 40 ล้านเล่ม ณ ตอนที่วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 19 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020
- 60 ล้านเล่ม ณ ตอนที่วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 20 ในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2020
- 80 ล้านเล่ม ณ ตอนที่วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 20 ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2020
- 100 ล้านเล่ม ณ ตอนที่วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 21 ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2020
- 120 ล้านเล่ม ณ ตอนที่วางจำหน่ายรวมเล่มฉบับที่ 22 ในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2020
และสุดท้ายมังงะทำยอดพิมพ์ได้สูงสุดที่ 150 ล้านเล่ม ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021
อนิเมะ ดาบพิฆาตอสูร ที่ดัดแปลงมาจากมังงะของอาจารย์ Gotouge Koyoharu ออกอากาศครั้งแรกในช่วงเดือนเมษายน ปี 2019
และมีการนำ องก์รถไฟสู่นิรันดร์ ถูกสร้างเป็นอนิเมะจำนวน 7 ตอน และจะมีการสร้างตอนแรกขององก์เป็นเนื้อหาใหม่ทั้งหมดที่มีกำหนดฉายในวันที่ 10 ตุลาคม ปี 2021 อนิเมะตอนใหม่จะเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ เร็นโกคุ ในการเดินทางไปขึ้นรถไฟนิรันดร์ ส่วนตอนอื่นๆ นั้นจะมีการเพิ่มฉากใหม่กว่า 70 ฉาก และเพลงประกอบใหม่ และจะทำการฉายอนิเมะ ดาบพิฆาตอสูร องก์ย่านเริงรมย์ จะทำการฉายตอนแรก ในวันที่ 5 ธันวาคม ปี 2021
Source: Toyo Keizai via Yaraon!
Leave a Reply