จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นประกาศสละราชบัลลังก์พร้อมแถลงการฉบับสุดท้ายสู่ประชาชนชาวญี่ปุ่น

Share

โดยทั่วไปแล้วตำแหน่งของขุนนางหรือราชวงศ์รวมไปถึงตำแหน่งจักรพรรดิ์นั้นจะคงอยู่ไปตลอดชีวิต แต่ในครั้งนี้เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา จักรพรรดิอากิฮิโตะได้ทรงสร้างความประหลาดใจแก่ใครหลายๆ คนด้วยการสละราชบัลลังก์ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 202 ปีที่จักพรรดิญี่ปุ่นสละราชบัลลังก์ในขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่

พิธีสละราชสมบัติในครั้งนี้มีขึ้น ณ พระที่นั่งต้นสน (Matsu no Ma) ในพระราชวังอิมพีเรียล ซึ่งตั้งอยู่กลางกรุงโตเกียว

จักพรรดิอากิฮิโตะ กล่าวคำปราศรัยครั้งสุดท้ายในฐานะจักรพรรดิญี่ปุ่น

เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง 3 ถูกนำเข้ามาในห้อง (โดยมีการคลุมผ้าใว้เนื่องจากมีความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ควรคู่กับจักพรรดิและนักบวชผู้ประกอบพระราชพิธีเท่านั้น) จักรพรรดิอากิฮิโตะและจักรพรรดินีมิชิโกะทรงประทับอยู่บนเวทีต่อหน้าผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ และมีเจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะและเจ้าหญิงมาซาโกะประทับอยู่ด้านข้าง โดยมีนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ อ่านแถลงการขอบคุณองค์จักรพรรดิสำหรับหน้าที่ ที่ทรงปฏิบัติมาโดยตลอดในช่วงระยะเวลาครองราชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 “ในวันนี้ ที่ท่านประกาศสละราชสมบัติ เมื่อเราย้อนกลับไปมองในอดีตที่ผ่านมา ท่านร่วมสุขและเศร้าไปกับประชาชนชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด และในโอกาศนี้ พวกเราขอแสดงความเคารพและขอบคุณมา ณ ที่นี้” นายชินโซ อาเบะ กล่าว

จากนั้นจักรพรรดิอากิฮิโตะ ได้กล่าวแถลงการครั้งสุดท้ายซึ่งสรุปรวมช่วงเวลาครองราชย์ของพระองค์กว่า 3 ทศวรรศ ในฐานะศูนย์รวมใจของชาวญี่ปุ่น

“ณ วันนี้ ตำแหน่งของเราในฐานะจักพรรดิได้สิ้นสุดลงแล้ว

เราขอแสดงความขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับถ้อยแถลงที่คุณอาเบะได้กล่าวในฐานะของตัวแทนประชาชนชาวญี่ปุ่น

เรามีความยินดีอย่างยิ่งในช่วง 30 ปีนับแต่ขึ้นครองราชย์ที่เราได้ทำหน้าที่ของตน อีกทั้งยังได้รับความเชื่อมั่นและเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน เราขอขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจนี้สำหรับการสนับสนุนและการยกย่องเราเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นนี้

ในวันพรุ่งนี้ ยุคใหม่ที่ชื่อว่า เรย์วะ จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเราและจักรพรรดินีหวังเป็นอย่างยิ่งว่ายุคใหม่นี้จะนำพาสันติภาพ ความรุ่งเรืองและความสุขมาสู่ประชาชนชาวญี่ปุ่นและผู้คนทั่วโลก”

ซึ่งตามกำหนดการณ์ เจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะ มกุฏราชกุมารจะขึ้นครองราชย์ในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของยุค เรย์วะ นั่นเอง

ที่มา: NHK News Web (1, 2)

ภาพหัวข่าว: Pakutaso

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*