Eric ถาม :
มีอนิเมะหลายต่อหลายเรี่องที่มี มิโกะ มาโผล่อยู่ อย่างที่ผมเพิ่งดูช่วงหลังนี่ก็แบบ คิเคียว จาก เทพอสูรจิ้งจอกเงิน, อาโอยามะ โมโตโกะ จาก Love Hina แล้วก็ มิยามิซุ มิสึฮะ จากเรื่อง หลับตาฝันถึงชื่อเธอ ซึ่งตอนนี้ผมก็พอรู้ว่า มิโกะ เนี่ยเป็นส่วนหนึ่งในความเชื่อของทางชินโตซึ่งเป็นศาสนาประจำถิ่นที่คนส่วนมากในประเทศญี่ปุ่นนับถือ บทบาทของมิโกะในทางศาสนานั้นเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วทำไมมิโกะถึงได้รับความนิยมในโลกอนิเมะนัก ?
Answerman ตอบ :
มิโกะ หรือสาวน้อยผู้ใส่ชุดฮากามะที่ช่วงเสื้อเป็นสีขาวและส่วนเอวลงไปเป็นสีแดง สามารถพบเจอตัวได้ตามศาลเจ้าชินโตขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ตามปกติแล้วมิโกะจะเป็นนักบวชขั้นยศระดับต่ำสุด หรือเป็นผู้ช่วยของนักบวช ตามศาลเจ้าชินโต และในยุคปัจจุบันนี้ บทบาทของมิโกะก็มาพาดเกี่ยวกับเรื่องทางโลกมากยิ่งขึ้น พวกเธอทำหน้าที่ขายของที่ระลึก, คอยตอบคำถามผู้ที่มาเยี่ยมชมศาลเจ้า, พวกเธออาจจะเข้าร่วมในพิธีการของศาสนาชินโตบ้าง อย่างเช่น งานแต่งงาน, งานศพ, งานเทศกาล, งาน Miyamairi (พิธีการของศาสนาชินโต ที่พ่อแม่ กับ ปู่ย่าตายาย จะพาเด็กชายวัย 31 วัน หรือเด็กหญิงวัย 33 วัน ไปวิหารเป็นครั้งแรกของชีวิต เพื่อทำพิธีขอพรกับเทพเจ้า ลักษณะพิธีคล้ายกับ ศีลจุ่มของศาสนาคริสต์) ฯลฯ ดังนั้นการเป็นมิโกะในยุคนี้ก็ไม่มีอะไรมากกว่านักเรียน นักศึกษา ที่มารับจ็อบพร้อมกับผ่านการฝึกฝนตามวิถีชินโตแบบพอเป็นพิธีเท่านั้น
นอกจากที่จะต้องเป็นเด็กสาววัยรุ่นแล้วมิโกะ ที่ปรากฎตัวในอนิเมะหรือการ์ตูนยังอิงภาพลักษณ์จากเหตุการณ์ที่อยู่ในประวัติศาสตร์มากกว่าเรื่องราวในปัจจุบัน ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่แล้ว มิโกะ ยังถูกนับถือในฐานะคนทรง ความจริงแล้วผู้ปกครองแผ่นดินญี่ปุ่นตามประวัติศาสตร์เท่าที่มีการจดบันทึกเอาไว้ก้คือ พระนางฮิมิโกะ ราชินี แห่งยามาไต (ญี่ปุ่นโบราณ) ที่ครองราชย์ตั้งแต่ราว ค.ศ. 189 – 248 ตามตำนานกล่าวว่าหลังจากเกิดความวุ่นวายและเหตุร้ายต่างๆ จากผู้ปกครองชายหลายต่อหลายคน ประชาชนในยามาไตได้ตัดสินใจแต่งตั้งสตรีเพศให้ขึ้นเก้าอี้ผู้นำแทน ซึ่งนั่นก็คือ พระนางฮิมิโกะ ที่ครองราชบังลังก์ด้วยตั้งแต่วัยเพียง 14 ชันษา
กล่าวกันว่าพระนางฮิมิโกะเป็นผู้ชำนาญการใช้เวทมนตร์และใช้มันกับประชาชนของเธอ แล้วก็มีคนจำนวนไม่มากนักที่เคยพบพระนางตัวจริง เนื่องจากรอบตัวของพระองค์อาศัยอยู่เพียงแค่ภายในปราสาทที่ถูกรายล้อมไปด้วยข้ารับใช้หญิงนับพัน และพระอนุชาของพระนางฮิมิโกะก็คอยช่วยเหลือในการปกครองประเทศของพระองค์ด้วย
ถึงแม้ว่าเรื่องราวของพระนางฮิมิโกะ อาจจะไม่มีการจดบันทึกไว้ในฝั่งประเทศญี่ปุ่นเอง แต่ถ้าอ้างอิงเอกสารจากฝั่งประเทศจีนจะพบว่ามีการจดบันทึกไว้หลายจุดว่า พระนางฮิมิโกะ เป็นคนที่ปกครองประเทศในช่วงนั้น เนื่องจากญี่ปุ่นเองไม่ได้มีการจัดบันทึกประวัติศาสตร์เป็นลายลักษณ์อักษรจนเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา (และที่จดมาก็ยังมีอะไรคลุมเครืออยู่) ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นว่าในท้องถิ่นญี่ปุ่นถือว่า พระนางฮิมิโกะ ไม่มีตัวตนไป อย่างไรก็ตามพื้นฐานของพิธีการและความเชื่อของศาสนารวมไปถึงเรื่องของ มิโกะ มีความเชื่อว่ามามีจุดกำเนิดมาจากพิธีกรรมของพระนางฮิมิโกะนี่เอง
มิโกะคนทรงตามประวัติศาสตร์นั้น ถ้าไม่ได้รับสืบทอดตำแหน่งต่อจากผู้เป็นแม่แล้วก็มักจะเป็นผู้ที่ถูกเลือกด้วยเหตุผลบางประการที่อาจจะเกิดจาก โรคประสาทฮิสทีเรีย, โรคลมชัก หรืออาการประสาทหลอน – เพราะอาการป่วยเหล่านี้ในอดีตถูกเข้าใจว่าเป็น ‘ภวังคจิต’ ในทางศาสนา เมื่อเด็กสาวเหล่านี้ถูกเลือกเป็นมิโกะ สาวแรกรุ่น พวกเธอก็จะต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเขมงวด เพื่อที่จะสามารถควบคุมภวังคจิต, ศึกษาเรื่องการสื่อสารกับดวงวิญญาณ, เรียนรู้ภาษาพิเศษ (สำหรับใช้ในการทำนาย) และพิธีการทางศาสนาแบบอื่นๆ ตามแต่ศาลเจ้า การฝึกฝนมิโกะจะกินเวลาราวสามถึงเจ็ดปี เมื่อผ่านช่วงฝึกฝนแล้วมิโกะคนนั้นถึงจะสามารถทำพิธีกรรมแรกรับ–พิธีดังกล่าว จะให้มิโกะรุ่นใหม่ที่เป็นสาวพรหมจรรย์ทำการสมรสกับเทพที่เธอจะคอยรับใช้บูชา และกลายเป็นมิโกะเต็มตัวไปในที่สุด
มิโกะ นั้นถูกเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตไปตามยุคสมัย จากแรกเริ่มที่ถือว่าเกี่ยวดองกับชนชั้นปกครอง ก่อนจะถูกริดรอนตัวตนออกจากสังคมญี่ปุ่นทั้งฝั่งอำนาจด้านสังคมและอำนาจในเชิงธุรกิจ จนถึงจุดที่ประเทศญี่ปุ่นทำการแบนเรื่องคุณไสยทั้งหมดไปในช่วงยุคเมจิ (ช่วงปลายปี 1800 ต้นปี 1900)
มิโกะสมัยใหม่ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการฝึกฝนอยู่บ้างแต่เป็นการฝึกฝนการอ่านบทสวดในการทำพิธีการหรือการเต้นรำตามงานสำคัญ (อย่างในเรื่อง หลับตาฝันถึงชื่อเธอ) เรื่องการใช้วิชาเวทหรือคุณไสยต่างๆ นั้นแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว กระนั้นด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของมิโกะที่เต็มไปด้วยความตระการตาและสีสันอันมากมาย จึงไม่แปลกเลยที่ตัวตนของมิโกะแบบดั้งเดิมจะคงอยู่ตามสื่อบันเทิงยุคใหม่ของญี่ปุ่นอยู่เป็นจำนวนมากเช่นนี้
เรียบเรียงจาก : Answerman – What Do Miko (Shrine Maiden) Actually Do?