เมื่อวันอังคารที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ทางทีมงาน News Dexclub ได้รับเกียรติให้รับชมภาพยนตร์เรื่อง Jigsaw รอบสื่อมวลชนเมื่อเวลา 20.00น. และก็ตามเคยที่เราจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันครับ
10 ปีให้หลังจากการเสียชีวิตของอาชญากรจิตวิปริต John Kramer ผู้คุมเกมมรณะ ‘Jigsaw’ แต่เกมกลับถูกเริ่มขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นปริศนา เมื่อตำรวจพบร่างไร้วิญญาณที่ตายจากการทรมานอย่างโหดเหี้ยมในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง โดยมีหลักฐานหลายอย่างบ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของจอห์น เครเมอร์เองที่เสียชีวิตไปกว่าทศวรรษแล้ว เหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้นี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร? จะใช่จอห์น เครเมอร์เองจริงหรือที่อยู่เบื้องหลังเกมมรณะครั้งนี้…
การกลับมาอีกครั้งของแฟรนไชส์หนังเกมส์ฆ่าสยองขวัญ หลังจากทิ้งช่วงจากภาคที่แล้วไปนานถึง 7 ปี ด้วยกระแสความนิยมที่ค่อนข้างจะอยู่ในเทรน ‘ขาลง’ แบบต่อเนื่องตั้งแต่ภาค 4 เป็นต้นมา ที่ถึงแม้จะเพิ่มดีกรีความโหดและพิศดารของฉากการ ‘มรณกรรม’ ให้ระทึกขวัญ สาดใส่ความสยองให้มากยิ่งขึ้นเพื่อเอาใจสายโหดโดยเฉพาะ แต่ก็ดูจะสวนทางกับสัดส่วนปรัชญา “ผู้ไม่เห็นค่าของชีวิต ไม่ควรค่าการมีชีวิต” ที่เป็นทั้งเสน่ห์และแก่นของหนังที่ดูจะเบาบางลงไปโขเลยทีเดียว
ประเด็นเด่นที่ทำให้แฟรนไชส์หนัง SAW ครองใจแฟนหนังสยองขวัญอย่างยาวนานมาได้ถึง 8 ภาค น่าจะอยู่ที่ปรัชญาและรูปแบบของเกมส์ ‘ตัดต่อตาย’ นี้เอง ที่ผู้(ถูก)เล่นแต่ละคนซึ่งมักมีปมปัญหาสีเทาในอดีต จะต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากบททดสอบพิพากษาว่าเขามีค่าควรจะมีชีวิตอยู่ต่อ? หรือสมควรแล้วแก่ความตาย จากการตัดสินใจของตนเอง (หรือผู้ร่วมกรรมนั้น) เพื่อเป็นบทเรียนให้ซาบซึ้งถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่อย่างปุถุชนคนดีในสังคม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณลุง Tobin Bell ผู้รับบทเป็น John Kramer ได้กลายเป็นไอดอลหลักและสัญลักษณ์ของแฟรนไชส์ SAW ไปแล้ว และการที่ได้เห็นหลักฐานบ่งชี้ต่าง ๆ ทั้งภาพบนใบปิดและ ตัวอย่างหนังว่า John Kramer กลับมาคุมเกมอีกครั้ง มันยิ่งกระทุ้งต่อมเผือก เรียกความสนใจของแฟนๆ หนังทุกรุ่นได้เป็นอย่างดีว่า มันเป็นไปได้ยังไงว้า?!!
ซึ่งส่วนนึงต้องชมผู้เขียนบทที่วางหมากเนื้อเรื่อง แถแบบเนียน พลิกบทได้แยบยล ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเหมือนถูกสับขาหลอกเบา ๆ ก็เถอะ แต่ถือว่า Jigsaw ภาคนี้ทำได้ดีมีกลิ่นอายลายเซ็นคล้ายกับไตรภาคแรกมากทีเดียว ในแง่ของพล็อตเรื่องหักมุมและลูกเล่นของเกมมรณะซึ่งถึอเป็นข้อดี ส่วนข้อเสียคือกลายเป็นว่ามุกของบางเกมดูจะเดาได้ง่ายไปเลยสำหรับแฟนหนังรุ่นแรก ๆ
ส่วนจุดอ่อนน่าจะอยู่ที่การปูที่มาพื้นเพชีวิตของแต่ละผู้เล่นที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันเท่าไหร่ รวมไปถึงการแสดงของผู้เล่นเอง ที่ดูจะยินยอมพร้อมใจกันตื่นตระหนกจนดูเยอะไปนิด ลงมือตัดสินใจโดยแทบไม่ได้ไตร่ตรอง ค้านกับหลักความน่าจะเป็นตามสามัญสำนึก แต่ถ้ามองข้ามจุดโหว่เหล่านี้ไปได้ เราก็จะได้ลุ้นระทึกไปกับความสยดสยองเขย่าขวัญสั่นประสาทที่หนังมอบให้ได้เป็นอย่างดี
ขอขอบคุณสหมงคลฟิล์ม
ที่สนับสนุนภาพยนตร์รอบสื่อมวลชน
Leave a Reply