ข่าวคราวของทีวีอนิเมะเรื่อง Caligula ที่ดัดแปลงจากเกม The Caligula Effect ของ FuRyu นั้น ล่าสุดทาง Pony Canyon ได้เริ่มฉายวีดีโอโปรโมตให้แฟนๆ ได้ชมกันแล้ว ซึ่งในคลิปก็มีตัวอย่างเพลงเปิด “Paradigm Box” ที่ขับร้องโดย Chiharu Sawashiro กับ Shunsuke Takeuchi อยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้ทาง Pony Canyon ได้ฉายอนิเมะตอนแรกในงาน Sakura-Con ที่ Seattle ไปแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
อนิเมะเรื่องนี้จะฉายทางช่อง Tokyo MX ในวันที่ 8 เมษายน เวลา 3 ทุ่มครึ่ง (ตามเวลาประเทศไทย) และจะฉายทางช่อง YTV, BS-Fuji, และ AT-X ต่อด้วย นอกจากนี้ อนิเมะจะมีฉายผ่านระบบสตรีมมิ่งในประเทศญี่ปุ่น กว่า 20 ช่องสตรีมมิ่งต่างๆ อีกด้วย ส่วนจำนวนตอนนั้น ถูกระบุเอาไว้ว่าจะมีทั้งหมด 12 ตอน
รายชื่อทีมงาน
- ออกแบบเกมต้นฉบับ
Takuya Yamanaka จาก FuRyu - ผู้กำกับ
Jun’ichi Wada
(จากผลงาน WorldEnd, The Disappearance of Nagato Yuki-chan, Ragnastrike Angels) - สตูดิโอผลิต
Satelight - เรียบเรียงบท
Touko Machida
(จากผลงาน The Idolm@ster, A Centaur’s LIfe) - ออกแบบตัวละคร
Kenji Tanabe
(จากผลงาน Good Luck Girl!) - ออกแบบตัวละครต้นฉบับ
Oguchi - กำกับเสียง
Satoshi Motoyama
(จากผลงาน Dagashi Kashi, Ms. Koizumi loves ramen noodles) - แต่งเพลงประกอบ
Tsukasa Masuko
Yasuharu Takanashi
Funta7, RegaSound
Kenji Iwata - ผลิตเพลง
Pony Canyon
Rie Murakawa, Ari Ozawa, Rie Takahashi, และ Minami Tanaka ร่วมกันร้องพลงจบ “Hypno” ตามคาแรคเตอร์ของตัวละครที่พากย์
นักพากย์หลักของเกมจะกลับมาพากย์เป็นตัวละครในฉบับอนิเมะด้วย แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงบทที่ได้รับบ้าง ดังนี้
- Chiharu Sawashiro พากย์เป็น Ritsu Shikishima (ตัวละครเอกที่ไม่ได้มีชื่อในฉบับเกม)
- Reina Ueda พากย์เป็น μ
- Shunsuke Takeuchi พากย์เป็น Shōgo Satake
- Yuichiro Umehara พากย์เป็น Izuru Minezawa
- Yoshimasa Hosoya พากย์เป็น Kotarō Tomoei
- Rie Murakawa พากย์เป็น Kotono Kashiwaba
- Ari Ozawa พากย์เป็น Naruko Morita
- Rie Takahashi พากย์เป็น Mifue Shinohara
- Minami Tanaka พากย์เป็น Suzuna Kagura
- Mai Fuchigami พากย์เป็น Marie Mizuguchi
- Asami Shimoda พากย์เป็น Aria
- Shouta Aoi พากย์เป็น KagiP
- Emi Nitta พากย์เป็น SweetP
- Yumiri Hanamori พากย์เป็น Shōnen Doll
- Eriko Nakamura พากย์เป็น Mirei
- Sōma Saitō พากย์เป็น IkeP
- Yuma Uchida พากย์เป็น Shadow Knife
- Yuka Ōtsubo พากย์เป็น Sone
ในเรื่องราวต้นฉบับ ถูกเขียนขึ้นโดย Tadashi Satomi
อดอลเสมือนจริงที่แสดงบทเพลงที่รู้จักกันในชื่อ μ ที่ผู้ใช้ได้ป้อนให้ เกิดมีชีวิตขึ้นมาจากความรู้สึกขมขื่นและความไม่พอใจไปต่อโลกความเป็นจริงของผู้ใช้ ด้วยความรู้สึกต้องการที่จะปกป้องมนุษยชาติ — ซึ่งเธอเชื่อว่าพวกเขาได้รับความเจ็บปวดมาอย่างยาวนาน — เธอดึงดูดผู้คนมาสู่โลกเสมือนจริงที่ถูกเรียกว่า Mobius ด้วยบทเพลงของเธอ แล้วเธอก็กักขังพวกเขาไว้ใน Mobius เธอคิดว่าพวกเขาจะเป็นอิสระจากความเจ็บปวดของความเป็นจริง และสิ่งนั้นจะทำให้ความปรารถนาของพวกเขาเป็นจริง เกมจะดำเนินเรื่องโดยสมาชิกทั้ง 9 คน แห่ง “Going Home Club” ชมรมที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มคนที่ต้องการจะหลบหนีจาก Mobius และกลับไปสู่ความเป็นจริง ชื่อของเกมนั้นอ้างอิงมาจากพฤติกรรมที่เรียกว่า “Caligula Effect” ซึ่งเป็นรูปแบบพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อเราอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ห้ามทำ
ตัวละครนักแต่งเพลงภายในเกมนั้น มีต้นแบบมาจากนักแต่งเพลงอิสระจริงๆ ซึ่งก็มี 40mP (KagiP), OSTER PROJECT (Sweet P), Polyphonic Branch (Shonen Doll), CyoucyoP (Mirei), Asa (IkeP), 164 (Shadow Knife) และ cosMo@BosoP (Sone)
ตัวเกมได้ถูกวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นสำหรับเครื่อง PlayStation Vita ไปแล้วในเดือนมิถุนายน ปี 2016 ในส่วนของอเมริกาเหนือเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 2 พฤษภาคม และ ในยุโรปวันที่ 9 พฤษภาคม ทางฝั่งตะวันตกมีจำหน่ายในรูปแบบดิจิตอลเท่านั้น ออริจินอลเกมได้รับการรีเมคสำหรับเครื่อง PlayStation 4 ซึ่งวางจำหน่ายในวันที่ 17 พฤษภาคม ในประเทศญี่ปุ่น