ค่ายวิชวลโนเวล Light ได้จัดแคมเปญ Kickstarter เพื่อระดมทุนสำหรับการแปลเกม Dies irae วิชวลโนเวลสำหรับผู้ใหญ่ในรูปแบบภาษาอังกฤษ ได้ระดมทุนถึงเป้าหมายเป็นเงิน 160,000 เหรียญสหรัฐ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
โดยโปรเจคนี้เคยเปิดตัวเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมและสิ้นสุดลงในวันศุกร์ แม้เวลาระดมทุนจะน้อย แต่ก็ได้ไปถึง 163,344 เหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว
การแปลนี้จะยึดหลักจากเกม Dies irae ~Amantes amentes~ ของเครื่อง PlayStation Portable และPC โดยเพิ่มฟีเจอร์ตัวเลือก ในการเพิ่มความละเอียดหน้าจอ, ระบบสนับสนุนจอไวด์สกรีน และยกระดับเอฟเฟค ฉากความรุนแรงจะไม่ถูกเซนเซอร์ซึ่งเหมือนกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่น และตัวเกมจะแบ่งแพทช์เป็นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ไว้ต่างหากอีกด้วย ซึ่งเกมที่แปลบนทาง Steam นั้นจะมี 2 พาร์ท ในพาร์ทแรกจะเป็นเนื้อเรื่องเส้นทางของ Kasumi และ Marie ส่วนพาร์ทที่สองจะเป็นเนื้อเรื่องเส้นทางของ Kei และ Rea ทั้งสองพาร์ทมีกำหนดจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2017 พร้อมกับแพทช์แยกสำหรับเนื้อเรื่องผู้ใหญ่ที่จะมาในอีก 3 เดือนต่อมา
ผู้สนับสนุนจะได้รับของตอบแทนประกอบด้วยแผ่นและไฟล์ดิจิตอลของเกม, แผ่นและไฟล์ดิจิตอลเพลงประกอบของเพลง, สายคล้องทำจากยาง, เสื้อยืด, ผืนผ้าภาพตัวละคร, ใบประกาศเกียรติคุณ, ภาพวาด shikishi ที่วาดโดย G-Yuusuke, ภาพ shikishi สีขนาดใหญ่, ภาพพร้อมลายเซ็นโดย G-Yuusuke, และใส่ชื่อผู้สนับสนุนในท้ายเครดิตเกม
ตัวเกมได้ดัดแปลงเป็นทีวีอนิเมะซึ่งจะออกฉายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2017 ในโปรเจค English Kickstarter สำหรับเกมออริจินอลยังได้เปิดเผยว่าทางค่าย Light “ได้ตัดสินใจจะจำหน่าย [อนิเมะ] ในรูปแบบเสียงภาษาอังกฤษด้วย”
เนื้อเรื่องของเกมและอนิเมะจะเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์อีกมุมนึงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1945 ในกรุงเบอร์ลิน ขณะที่ Red Army ได้ยกธงโซเวียตบุกยึดกรุง Reichskanzlei หนึ่งในกลุ่มนายทหารนาซีได้ทำพิธีกรรมบางอย่าง สำหรับพวกเขาแล้วการฆ่าคนทั้งเมืองนั้นไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าเป็นเครื่องสังเวยเพื่ออัญเชิญ Order of the 13 Lances กลุ่มผู้มีพลังเหนือมนุษย์ขึ้นมาทำลายโลกใบนี้ หลายปีต่อมาไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มทหารนี้ทำสำเร็จหรือไม่ พวกเขายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว มีน้อยคนนักที่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา และแม้แต่คนที่รู้ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ค่อยๆ ล้มหายตายจากไป
กลับมายังปัจจุบัน ในเดือนธันวาคมที่เมือง Suwahara, Ren Fujii ได้แต่แกร่วอยู่ในโรงพยาบาล เป็นเวลา 2 เดือนมาแล้วตั้งแต่เกิดเหตุทำให้เขาต้องมารักษาตัวที่นี่ : เขาได้ต่อสู้กับเพื่อนของเขา Shirou Yusa และเกือบจะต้องฆ่ากันเอง เขาพยายามที่จะคิดให้ออกว่าได้ทำอะไรลงไป แต่ทุกคืนเขาก็มักจะฝันเห็นแต่เรื่องเดิมๆ ที่เกียวกับกิโยติน ฆาตรกรที่ตามล่าคน และอัศวินชุดดำที่ติดตามฆาตกร ตัวเขาเองยังหมดหวังที่จะกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ตอนนี้เขาก็ยังได้ยินเสียงของ Shirou พูดว่า “ทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้ จะต้องกลายเป็นบ้าไปในที่สุด”
ก่อนหน้านี้ค่าย Light เคยจัดแคมเปญระดมทุนสำเร็จบนเว็บไซต์ UNEEDZONE.jp ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฏาคม 2015 สำหรับโปรเจคอนิเมะ, ได้รับเงินถึง 96,560,858 เยน (ประมาณ 29ล้านบาท) จากผู้สนับสนุน 5,188 คน โดยเป้าหมายดั้งเดิมของแคมเปญคือ 30ล้านเยน (ประมาณ 9ล้านบาท) เท่านั้น
ค่าย Light เคยจำหน่ายเกม Dies irae ~Interview with Kaziklu Bey~ ซึ่งเป็น side-story ของเกมไปเมื่อเดือนมีนาคม
Dies irae -Also sprach Zarathustra- วิชวลโนเวลดั้งเดิมสำหรับผู้ใหญ่เคยจำหน่ายสำหรับเครื่อง PC เมื่อปี 2007 เกม Dies irae Also sprach Zarathustra -die Wiederkunft- พร้อมเนื้อเรื่องเสริมยังเคยจำหน่ายสำหรับเครื่อง PC เมื่อปี 2007 อีกด้วย ทั้งเกม Dies irae ~Acta est Fabula~ และ Dies irae ~Acta est Fabula~ -Scharlachrot Grun- ได้เคยจำหน่ายบนเครื่อง PC เมื่อปี 2009 นอกจากนี้ค่าย Light เคยจำหน่ายเกม Dies irae ~Amantes amentes~ สำหรับเครื่อง PlayStation Portable เมื่อมิถุนายน 2012 และบนเครื่อง PC เมื่อเดือนสิงหาคม 2012 และเคยพอร์ตลงเครื่องสมาร์ทโพนบนระบบปฏิบัติ Android และ iOS อีกด้วย
Kazuomi Minatogawa (ผลงานที่ผ่านมา M3 ~Sono Kuroki Hagane~/M3 the dark metal manga) เป็นผู้วาดมังงะตอนยาวที่ดัดแปลงจากเกมซึ่งเปิดตัวในนิตยสาร Dengeki Maoh ของสำนักพิมพ์ Kadokawa เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2016 ทางค่าย Light ได้วางแผนที่จะทำมังงะภาคต่อหลังจากอนิเมะได้ออกอากาศจนจบ นอกจากนี้ทางคุณ Ryō Morise ผู้เขียนบทเของ Nitroplus Blasterz และแต่งเรื่องของ School-Live! ยังเคยเขียนนิยายที่ดัดแปลงมาจากเกมซึ่งตีพิมพ์เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา