[Review] “ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ” รับประกันบ่อน้ำตาสะเทือน สิ้นเดือนพฤศจิกายน

Share

ภาพยนตร์เรียกน้ำตาแถวหน้าจากประเทศญี่ปุ่นที่สามารถทำยอดผู้ชมในประเทศสูงที่สุดในปีนี้ ก็ได้ถูกนำเข้ามาฉายในเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วทางทีมงาน News.dexclub.com ก็ได้มีโอกาศที่จะเข้าไปชมรอบสื่อมวลชนเมื่อวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ที่ SF World Cinema เช่นกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คุณ Sho Tsukikawa มานั่งแท่นผู้กำกับซึ่งเคยได้ฝากผลงานการกำกับจากเรื่อง The 100th Love with You ที่เคยเรียกน้ำตาใครหลายๆ คนมาแล้ว โดยตัวเรื่องนั้นได้ถูกดัดแปลงมาจากไลท์โนเวลเดียวกันกับชื่อเรื่องของหนังนั่นเอง ซึ่งประพันธ์โดย อาจารย์ Yoru Sumino ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Futabasha ในปี 2015 และตัวอาจารย์ผู้เขียนเองก็ได้มาช่วยเป็นผู้เขียนบทของฉบับภาพยนตร์คนแสดงนี้อีกด้วย ดังนั้นใจความสำคัญของเนื้อเรื่องจึงน่าจะมีอย่างครบถ้วน

เรื่องได้เริ่มต้นที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งที่ อาจารย์ชายที่เป็นตัวเอกของเรื่องได้ถูกไหว้วานให้ไปช่วยจัดการหนังสือในห้องสมุดที่กำลังจะถูกรื้อโดยเพียงเพราะว่าตัวเขาเมื่อสมัยที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้เคยเป็นกรรมการห้องสมุดเท่านั้นเอง

เมื่อเข้าไปในห้องสมุดแห่งนั้นเขาได้นึกหวนเมื่อสมัยที่เขายังทำหน้าที่อยู่ที่ห้องสมุดแห่งนี้ และเป็นที่ได้สานความสัมพันธ์ ระหว่างเขาและ “Yamauchi Sakura” ผู้ที่เปรียบเสมือนไอด้อลของห้องและนอกจากนั้นเขายังได้รู้ว่าเธอเป็นโรคตับอ่อนที่จะทำตัวเธอนั้นมีชีวิตได้อีกไม่นานอีกด้วย

นั่นก็คือเรื่องราวเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ ถ้าผู้อ่านอยากรู้เรื่องราวมากกว่านี้ก็สามารถไปหาตัวไลท์โนเวลเรื่องนี้ได้ ซึ่งได้จัดพิมพ์ในรูปแบบภาษาไทยแล้ว ซึ่งชื่อเรื่องก็เป็นชื่อเดียวกันนี้อีกด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นก็รอชมกันวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ได้เลย

ต้องขอออกตัวก่อนเลย ว่าก่อนที่จะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ผู้เขียนเองก็ไม่เคยได้อ่านไลท์โนเวลเรื่องนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าตัวไลท์โนเวลกับตัวภาพยนตร์มีความต่างกันมากแค่ไหน แต่พอได้เขาไปชมก็ประทับใจบรรยากาศของเรื่อง สถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำ และความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ

ทางด้านนักแสดง นำแสดงโดย

  • Minami Hamabe (Yamauchi Sakura)
  • Takumi Kitamura (Shige – วัยเรียน)
  • Karen Otomo (Kyoko – วัยเรียน)
  • Shun Oguri (Shige – วัยทำงาน)
  • Keiko Kitagawa (Kyoko – วัยทำงาน)

จากทั้งหมดนี้ผู้เขียนก็รู้จักแค่คุณ Shun Oguri เท่านั้นเอง ซึ่งก็รู้สึกประหลาดใจกับการที่เขามารับบทบาทของอาจารย์ Shige ที่เป็นอาจารย์สอนไปวันๆ ไม่มีเป้าหมายในชีวิตอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งตรงข้ามกับบทที่เคยรับมาก่อนหน้านี้หลายๆ เรื่อง ( Lupin the Third (2014) ในบทบาทของLupin III, Gintama (2017) ในบทบาทของ Gintoki Sakata) แต่พอมาดูก็ดูไม่ได้ขัดแต่อย่างใด แถมเขาแสดงเข้ากับเนื้อเรื่องเป็นอย่างดีอีกด้วย

แต่ถ้าจะไม่พูดถึงนักแสดงนำที่เล่นเป็น Shige และ Sakura ก็คงถือว่าพลาด เพราะในขณะที่เป็นเหมือนกับหนอนหนังสือที่ไม่คิดจะเข้าสังคมกับใคร แต่พอมี Sakura ที่เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันต้องปั่นป่วน และยังมีอารมณ์เหนียมอายที่ไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวเมื่อวันที่ต้องจากกัน แต่ในขณะที่ Sakura เอง ก็เป็นสาวทานตะวัน ที่มีรอยยิ้มสดใสเสมอและยังรุก Shige ไม่ถอยอีกต่างหาก

ด้วยความที่เนื้อหาเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของวัยรุ่นที่อยู่ภายในรั้วโรงเรียน และผู้อ่านได้ชมเทลเลอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงคาดถึงเนื้อหาคร่าวๆ ไปจนถึงตอนจบได้ไม่ยากนัก แต่ความพิเศษของของเรื่องนี้นั้นก็ได้ถูกซ่อนไว้เยอะมาก เพราะตั้งแต่ชื่อเรื่องเองว่าทำไมต้องเป็นตับอ่อน ทำไมถึงต้องเป็นห้องสมุด บอกตรงๆ ว่าผู้เขียนเองเมื่อช่วงที่ดูก็ได้แต่คิดตามเนื้อหาที่พาไปตามทางที่ผู้แต่งวางไว้นั้นล่ะ แต่พอจบและออกมานอกโรงทำให้คิดถึงความเชื่อมโยงของเรื่องราวที่ผู้แต่งได้วางหมากไว้ ถูกบ้างผิดบ้างตามประสามือสมัคเล่น เรียกได้ว่าถ้าไปนั่งดูอีกรอบก็ไม่รู้สึกเสียดายเวลาและเงินเลย

ดังนั้นสำหรับคอสายภาพยนตร์รัก โรแมนติก เรียกน้ำตาเรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจที่จะเข้าไปดูในโรงแต่ขอเตือสำหรับผู้ที่บ่อน้ำตาตื้นกรุณาพกผ้าเช็ดหน้ากระดาษทิชชู่เผื่อไปด้วยล่ะหรือจะให้คนข้างๆ คอยซับให้ก็ดูจะเกินหน้าเกินตาคนโสดไปนิดนะ

ภาพบรรยากาศงาน

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*