ผู้อำนวยการสร้างจาก Hollywood หารือเกี่ยวกับหนัง Super Mario ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งนั่นก็ไม่ได้แปลว่ามันจะออกมาดีหรอกนะ

Share

เป็นเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ได้เริ่มมีข่าวลือว่า Illumination Entertainment ใกล้จะได้สิทธิ์ในการสร้างภาพยนตร์ Super Mario Movie และช่วงไม่กี่เดือนต่อมาทาง Illumination และทาง Nintendo ได้แถลงการณ์ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงและอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งหลังจากการสัมภาษน์ Chris Meledandri ผู้ก่อตั้ง Illumination ผู้รับหน้าที่ตำแหน่ง Producer ในโครงการนี้ เขาได้กล่าวถึงข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการสร้างภาพยนตร์ Super Mario Movie เรื่องใหม่นี้

Meledandri เผยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ มีกำหนดเข้าฉายในปี 2022 และเขาไม่สนใจเกี่ยวกับกระแสต่อต้านที่เกิดขึ้น และความล้มเหลวของภาพยนตร์ Super Mario Bros. ในปี 1993 “ผมเข้าใจว่าครั้งแรกมันออกมาไม่ดีเท่าไหร่” และยังอธิบายอีกต่อไปว่าการแก้ไขของเดิมที่มันด่างพร้อยนั้นค่อนข้าง “น่าตื่นเต้น” มากกว่า “การสร้างภาพยนตร์ Version ใหม่ของภาพยนตร์ที่มันดีอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

Super Mario Odyssey เกมภาคล่าสุดของ Mario Series

ยิ่งไปกว่านั้น Meledandri ยังรู้สึกเหมือนกับเขาได้แกไขข้อบกพร่องของภาพยนตร์ Super Mario ของเดิม ด้วยการเชิญ Shigeru Miyamoto ผู้ให้กำเนิด Super Mario Bros. (และเป็นผู้สร้างเกม Donkey Kong ที่ Mario ได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก) มาเป็น Producer ให้กับภาพยนตร์ตัวนี้ “ผมไม่เห็นหนังที่มาจากเกมเรื่องอื่นๆ จะรับฟังความคิดเห็นจากผู้สร้างเกมนั้นๆ เหมือนกับที่เรารับฟัง Miyamoto เลยนะ” Meledandri กล่าวกระทบภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเกมหลายเรื่องเข้าเต็มๆ  และถึงแม้ว่า Meledandri จะไม่ได้กล่าวว่า Miyamoto รับตำแหน่งใดในกองถ่าย เขายืนยันว่า หน้าที่ของ Miyamoto นั้นจะเป็นทั้งเบื้องหน้าและแก่นของการสร้างภาพยนตร์เรี่องนี้

แม้จะมีข้อดีหลายข้ออย่างที่ Meledandri กล่าว แต่ก็มีหลายเหตุผลว่า ทำไมแฟนๆ Mario ถึงไม่เห็นด้วย คือไม่ใช่ทุกอย่างที่ Miyamoto มีส่วนร่วมด้วยจะออกมาเป็นผลงานที่ดี ซึ่งเห็นได้จากความล้มเหลวของการส่ง Mario เข้าสู่โลกเกมมือถืออย่าง Super Mario Run

แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่เห็นผู้สร้าง Mario ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาภาพยนตร์ แต่ความสามารถระดับตำนานของ Miyamoto นั้นคือการสร้างเกม และแน่นอนว่าเป้าหมายของเกมและภาพยนตร์นั้นเป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และความสามารถในการที่ทำเกมได้ออกมาอย่างดีเยี่ยมไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอย่างอื่นที่สามารถส่งผลลัพธ์เดียวกันได้ ตัวอย่างเช่น Hironobu Sakaguchi ที่มีชื่อเสียงจากการ ออกแบบ ควบคุม กำกับเกมที่เป็นตำนานอย่าง Final Fantasy มากว่า 10 ภาค ได้ลองก้าวเข้าสู่โลกของภาพยนตร์ด้วยการสร้าง Final Fantasy: The Spirits Within ในปี 2001 ซึ่งผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างล้มเหลวเมื่อเที่ยบกับอุตสาหกรรมเดียวกันในช่วงนั้น

Final Fantasy: The Spirits Within

อย่างไรก็ตามคุณสามารถพูดได้ว่าความล้มเหลวของ Final Fantasy: The Spirit Within นั้นมีสาเหตุมาจากการที่ตัวภาพยนตร์นั้นแทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเกม Final Fantasy เลย ทั้งๆ ที่ Sakaguchi เป็นหัวเรือในภาพยนตร์นี้ด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อย Meledandri เองก็ตั้งใจจะใช้ Mario เป็นแก่นของภาพยนตร์ที่เขาจะสร้างขึ้น โดยกล่าวว่า “ความท้าทายของมันคือการใช้สิ่งที่เป็นต้นฉบับและการสร้างเนื้อหาที่จะไม่ทำลายสิ่งที่แฟนๆ Mario รักมากว่ารุ่นสู่รุ่น แต่ต้องสามารถรู้สึกได้ถึงเอกลักษณ์ของมัน”

ความท้าทายดังกล่าวอาจจะเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะทำได้ เนื่องจากนอกเหนือจากการที่มีเนื้อหามากมายเกี่ยวกับเกม Mario ในแต่ละภาคที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจใน Gameplay แต่ละภาคอีกด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าภาพยนตร์จะถูกกดดันอย่างหนักจากกลุ่มแฟนๆ ที่คนหาสิ่งเหล่านี้ แม้กระทั่งกับกลุ่ม Hardcore Fans ที่ยังคงพูดถึงความประทับใจในแต่ละภาค แต่ละฉาก ที่ทีมงานภาพยนตร์จะต้องเคลียร์เงื่อนไขกับแฟนๆ เหล่านี้ให้ได้

ไม่มีใครจ่ายเงินซื้อเกมมาเพื่อนั่งดู Cutscenes อย่างเดียวหรอก จริงมั้ย?

การนำ Mario เข้าสู่โลกจอเงินเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากจุดเด่นของเกมชุดนี้มาจากความสนุกที่เกิดขึ้นจากการที่สัมผัส Gameplay อันเป็นเอกลักษณ์ การแก้ปริศนาและช่วยเจ้าหญิง หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่เคยเห็นเด็กเถียงกันแย่ง Controller เล่นเกม Mario กันล่ะ? ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายนั่งดูคนอื่นเล่นไปตลอดหรอก..

ที่มา: Variety จาก Livedoor News/Cinema Today โดย Hachima Kiko

ภาพจาก: YouTube/Nintendo

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*